บทที่ 8 การเลือกใช้สีสำหรับเว็บไซต์
- สีสันในเว็บเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการดึงดูดความสนใจของผู้ใช้เนื่องจากสิ่งแรกที่ผู้ใช้มองเห็นจากเว็บก็คือสีซึ่งเป็นสิ่งกำหนดบรรยากาศและความรู้สึกของเว็บไซต์
- เราสามารถใช้สีกับทุกองค์ประกอบของเว็บเพจ ตั้งแต่รูปภาพ ตัวอักษร สีพื้นหลัง การใช้สีที่เหมาะสมจะช่วยในการสื่อความหมายของเนื้อหา
- การใช้สีพื้นใกล้เคียงกับสีตัวอักษร บางครั้งอาจสร้างความลำบากในการอ่าน
- การใช้สีที่มากเกินความจำเป็นอาจสร้างความสับสนให้กับผู้อ่าน
- การใช้สีที่กลมกลืนกันช่วยให้เว็บไซต์น่าดูชมมากยิ่งขึ้น
ประโยชน์ของสีในเว็บไซต์
-สามารถชักนำสายตาผู้อ่านให้ไปยังทุกบริเวณในหน้าเว็บเพจที่เราต้องการได้เช่นข้อมูลใหม่หรือโปรโมชั่นพิเศษ
- สีช่วยเชื่อมโยงบริเวณที่ได้รับการออกแบบเข้าด้วยกัน
- สีสามารถนำไปใช้ในการแบ่งบริเวณต่างๆ ออกจากกัน
- สีสามารถใช้ในการดึงดูดความสามารถของผู้อ่าน
- สีสามารถสร้างอารมณ์โดยรวมของเว็บเพจ
-ช่วยสร้างระเบียบให้กับข้อความต่างๆเช่นใช้สีแยกระหว่างหัวเรื่องกับเนื้อเรื่อง
- สามารถส่งเสริมเอกลักษณ์ขององค์กรหรือหน่วยงานนั้น ๆ
การผสมสี(Color Mixing) มี2แบบ
1.การผสมแบบบวก(Additivemixing) จะเป็นรูปแบบการผสมของแสงไม่ใช่การผสมของวัตถุที่มีสีบนกระดาษ สามารถนำไปใช้ในสื่อใดๆที่ใช้แสงส่องออกมา เช่นจอโปรเจคเตอร์ทีวี
2.การผสมแบบลบ(Subtractive mixing) การผสมสีแบบนี้ไม่เกี่ยวข้องกับแสง แต่เกี่ยวเนื่องกับการดูดกลืนและสะท้อนแสงของวัตถุต่างๆสามารถนำไปใช้ในสื่อที่เกี่ยวข้องกับการใช้วัตถุมีสี
เช่น ภาพวาดของศิลปิน รูปปั้น หรือ สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ
ความกลมกลืนของสี
- ความเป็นระเบียบของสีที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความสมดุลและความสวยงามในเวลาเดียวกันการใช้สีที่จืดชืดเกินไปจะทำให้เกิดความรู้สึกที่น่าเบื่อและไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ชมได้การใช้สีที่มากเกินไปก็จะดูวุ่นวายขาดระเบียบและอาจสร้างความสับสนให้กับผู้ชม
- เป้าหมายในเรื่องสีคือการนำเสนอเว็บไซต์โดยใช้ชุดสีในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่ายน่าสนใจ และสื่อความหมายได้อย่างเหมาะสม
รูปแบบชุดสีพื้นฐาน(SimpleColorSchemes)
1. ชุดสีร้อน (WarmColorScheme)
ประกอบด้วยสีม่วง,น้ำเงิน,น้ำเงินอ่อน,ฟ้า,ฟ้าเงินแกมเขียวและสีเขียวโดยจะให้ความรู้สึกเย็นสบายองค์ประกอบที่ใช้สีเย็นจะดูสุภาพเรียบร้อย
2. ชุดสีแบบเดียว(MonochromaticColorScheme)
เป็นรูปแบบชุดสีที่ง่ายที่สุด คือมีค่าของสีบริสุทธิ์เพียงสีเดียวแต่เพิ่มความหลากหลายโดยการเพิ่มความเข้มอ่อนในระดับต่างๆ และชุดสีแบบนี้ค่อนข้างจะมีความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวแต่ในบางครั้งอาจทำให้ดูไม่มีชีวิตชีวาเพราะขาดความหลากหลายของสี
3. ชุดสีที่คล้ายคลึงกัน(AnalogousColorScheme)
ประกอบด้วยสี 2หรือ 3สีที่ติดอยู่กันในวงล้อ สามารถเพิ่มเป็น4หรือ5สีได้แต่อาจส่งผลให้ขอบเขตของสีกว้างไป
4.ชุดสีตรงข้ามข้างเคียง(SplitComplementaryColorScheme)
เป็นชุดสีที่เปลี่ยนแปลงมาจากชุดสีตรงข้ามและชุดสีแบบนี้มีความหลากหลายเพิ่มขึ้นแต่จะมีผลให้ความสดใสความสะดุดตา และความเข้ากันของสีลดลงด้วย
5.ชุดสีตรงข้ามข้างเคียงทั้ง2ด้าน(DoubleSplitComplementaryColor Scheme)
ดัดแปลงมาจากชุดสีตรงข้ามเช่นกันแต่สีตรงข้ามทั้ง2สีถูกแบ่งแยกเป็นสีด้านข้างทั้ง2ด้านและชุดสีแบบนี้มีความหลากหลายของสีที่มากขึ้นแต่จะมีความสดใสและกลมกลืนของสีที่ลดลง
6. ชุดสีเย็น(CoolColorScheme)
เว็บเพจที่ใช้โทนสีเย็นให้บรรยากาศคล้ายทะเลรู้สึกเย็นสบาย
7.ชุดสีแบบสามเส้า(TriadicColorScheme)
เป็นชุดสีที่อยู่ที่มุมของสามเหลี่ยมด้านเท่าทั้งสาม ซึ่งเป็นสีที่มีระยะห่างในวงล้อสีเท่ากันจึงมีความเข้ากันอย่างลงตัว
8. ชุดสีตรงข้าม(ComplementaryColorScheme)
คือสีที่อยู่ตรงข้ามกันในวงล้อสีเมื่อนำสีทั้งสองมาใช้คู่กันจะทำให้สีทั้งสองมีความสว่างและสดใสมากขึ้น
บทที่ 9 การออกแบบกราฟิกสำหรับเว็บไซต์
ระบบการวัดขนาดของรูปภาพ
เมื่อจอมอนิเตอร์ทำการแสดงผลรูปภาพในเว็บเพจ พิกเซลในรูปภาพจะจับคู่กันแบบหนึ่งต่อหนึ่งกับพิกเซลตามความละเอียดของหน้าจอ ทำให้หน่วยการวัดรูปภาพในเว็บจึงเป็นพิกเซล ไม่ใช่นิ้วหรือเซ็นติเมตรแต่อย่างใด ดังนั้นในกระบวนการ ออกแบบกราฟิกและรูปภาพต่างๆ คุณจึงความลดขนาดเป็นพิกเซลไว้เสมอ ซึ่งจะมีประโยชน์ในการเปรียบเทียบขนาดกราฟิกกับองค์ประกอบอื่นๆ ในหน้าเว็บ รวามถึงขนาดวินโดว์ของบราวเซอร์อีกด้วย
ความละเอียดของรูปภาพ
โดยปรกติแล้ว รูปภาพทุกรูปในเว็บไซท์ควรจะมีความละเอียดแค่ 72 ppi ก็ เพียงพอแล้ว เรื่องจากจอมอนิเตอร์องผู้ใช้ส่วนใหญ่มีความละเอียดต่ำ (72 ppi) ดังนั้นแม้ว่ารูปภาพจะมีความละเอียดสูงกว่านี้เราก็ไม่อาจมองเห็นความแตกต่างได้
ปัญหาเกี่ยวกับขนาดไฟล์ของกราฟิก
แม้ว่ากราฟิกและรูปภาพต่างๆ จะช่วยสึความหมายและสร่างประโยชน์อีกหลายอย่าง เราควรรู้ถึงข้อเสียของกราฟิกเหล่านี้ไว้บ้าง โดยปรกติ แล้วข้อมูลในเว็บไซท์ประกอบด้วยไฟล์ HTML ที่เป็นตัวอักษร และกราฟิกหรือรูปภาพเป็นสิ่งสำคัญ กราฟิกใช้เวลาในการดาวน์โหลดมาก กว่าตัวอักษรหลายเท่า ดังนั้นกราฟิกขนาดใหญ่อาจใช้เวลาในการสแดงผลนานมาก เมื่อผู้ใช้ระบบการเชื่อต่อกับอินเตอร์เน็ทที่ค่อนข้างช้า
ลดขนาดไฟล์กราฟิกสำหรับเว็บ (Optimizing Web Graphic)
ปัญหาความเชื่องช้าของอินเตอร์เน็ททำให้ผู้ออกแบบเว็บไซท์ต้องระมัดระวังในเรื่องของเวลาที่ใช้ในการดาวน์โหลดเป็นอย่างมาก แนวทางง่ายๆ สำหรับผู้มีหน้าที่ออกแบบกราฟิกำหรับเว็บก็คือพยายามทำให้กราฟิกมีขนาดเล็กมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ใดๆ เลยย่อมไม่น่าสนใจ เพราะกราฟิกมีบทบาทสำคัญในการแนะนำ และสร้างความบันเทิงต่อผู้ชม ดังนนั้นแนวทางที่ดีที่สุดคือการสร้างเว็บที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้กราฟิกที่แสดงผลได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ผู้ออกแบบต้องรู้จักที่จะสร้างความสมดุลระหว่างความสวยงามกับความเร็วในการแสดงผลเรื่องจากการสร้างเว็บโดยไม่มีรูปภาพกราฟิก
การออกแบบเว็บไซต์ให้เหมาะกับสิ่งแวดล้อม
ปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องกับการท่องเว็บไซต์
1. เบราเซอร์ที่ใช้ เบราเซอร์
คือ โปรแกรมที่ใช้เรียกดูเว็บเพจ สามารถแสดงผลได้ทั้งรูปแบบตัวอักษร รูปภาพ และภาพเคลื่อนไหว เบราเซอร์ที่ได้รับความนิยม
เช่น Internet Explorer , Netscape NavigatorOpera , Mozilla , Firefox ปัจจุบัน
ได้มีองค์กรกลางได้ทำการกำหนดมาตรฐานเพื่อให้เป็นมาตรฐานกลาง คือ W3C
2. ระบบปฏิบัติการ(Operating System)
จะมีผลต่อการทำงานของเบราเซอร์มากแต่ละระบบปฏิบัติการจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของชนิดและรุ่นของเบราเซอร์ ที่ใช้ระดับความละเอียดของหน้าจอชุดสีระบบและชนิดของตัวอักษรที่
มาพร้อมกับระบบ
3. ความละเอียดของหน้าจอ ความละเอียดx480
หมายถึง หน้าจอมีจุดพิกเซลเรียงตัวตามแนวนอน 640 พิกเซล และตามแนวตั้ง 480 ความละเอียดของ
หน้าจอจะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของการ์ดแสดงผล
4. จำนวนสีที่จอของผู้ใช้สามารถแสดงได้
จำนวนสีที่การ์ดจอสามารถแสดงได้นั้นขึ้นอยู่กับค่าความละเอียดของสีที่เรียกว่า bit depthหรือ color depthซึ่งก็คือ จำนวนบิตที่ใช้ในการเก็บข้อมูลแต่ละพิกเซล ชุดสีสำหรับเว็บ(Web Palette) หมายถึง ชุดสีจำนวน 216 สีที่มีอยู่เหมือนกันในระบบปฏิบัติการWindows และ Mac
5. ชนิดของตัวอักษรที่มีอยู่ในเครื่องของผู้ใช้
จะแสดงฟอนต์ที่กำหนดไว้ในเว็บเพจได้ก็ต่อเมื่อคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นมีฟอนต์เหล่านั้นติดตั้งอยู่ในเครื่อง
- MS SansSerif เป็นฟอนต์แบบบิตเเมพ(bitmapped font)
- Microsoft Sans Serif เป็นฟอนต์แบบเวคเตอร์หรือลายเส้น(vector font)
สามารถปรับขนาดได้อย่างไม่จำกัด
ข้อดี
1. สามารถกำหนดลักษณะของตัวอักษรได้อย่างแน่นอนทั้งชนิด ขนาด สี
2. สามารถมองเห็นได้โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวอักษรชนิดนั้นติดตั้งไว้ในเครื่อง
3. สามารถสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเว็บได้จากรูปแบบของตัวอักษร
ข้อเสีย
1. ใช้เวลาในการ Downlond มาก
2. ลำบากในการแก้ไขและเปลี่ยนแปลง
3. ข้อความเป็นกราฟฟิกจะไม่สามารถค้นหาได้ด้วย search engine
6. ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
จะมีผลต่อเวลาที่ใช้ในการแสดงผลของเว็บ ความเร็วของอินเตอร์เน็ตมีหลายระดับ คือ - ผู้ใช้ตามบ้าน จะใช้ความเร็ว56 kbps
** หน่วยงานบางแห่ง จะใช้ความเร็วสูง เช่น ADSL , Cable modem ซึ่งมี
ความเร็วตั้งแต่ 128 kbpsจนถึง 10 kbps
7. ขนาดหน้าต่างเบราเซอร์
** ออกแบบเว็บเพจให้เปลี่ยนแปลงขนาดได้(Flexible Design)องค์
ประกอบทั้งหมดจะมีการจัดเรียงตัวกันใหม่ ตามขนาดพื้นที่ใหม่
ข้อดี
1.พื้นที่หน้าจอทั้งหมดถูกใช้อย่างเต็มที่
2. เว็บเพจจะถูกจัดเรียงในรูปแบบที่เหมาะสมกับหน้าจอเสมอ
ข้อเสีย
1.ไม่สามารถคาดการณ์รูปแบบที่จะปรากฏต่อสายตาผู้ชมได้
** ออกแบบเว็บเพจให้มีขนาดคงที่(Fixed Design) ผู้ที่ต้องการควบ
คุมโครงสร้างของหน้าเว็บให้คงที่เสมอ
ข้อดี
1. เว็บเพจจะปรากฏต่อสายตาผู้ใช้เป็นรูปแบบเดียวกันเสมอ
2. สามารถควบคุมความยาวของตัวอักษรในบรรทัดได้ดี ทำให้ตัวอักษร
ไม่ยาวเกินไป
ข้อเสีย
1. ต้องอาศัย scroll bar ในการเลื่อนดูข้อมูล
8. ความสว่างและค่าความต่างของโทนสี
** สามารถปรับความสว่าง(Brightness) และความต่างของโทนสี
(Contrast) จากมอนิเตอร์ได้
** ต้องระวังไม่ให้หน้าเว็บมีโทนสีมืดหรือสว่างจนเกินไป และความ
เลือกใช้โทนสีที่ต่างกันพอสมควร
บทที่ 10 การจัดรูปแบบตัวอักษรสำหรับเว็บไซต์
- ตัวอักษรมีความสำคัญในการสื่อข้อความถึงผู้ใช้
- ตัวอักษรมีหลายชนิด แต่ละชนิดจะให้อารมณ์และความรู้สึกที่แตกต่างกัน ควรเลือกใช้ตัวอักษร ให้เหมาะสมกับเนื้อหาและข้อมูลที่ต้องการสื่อ
ส่วนประกอบของตัวอักษร
- descender : ส่วนล่างของตัวอักษรพิมพ์เล็กที่ต่ำกว่าเส้น baseline
- baseline : เส้นสมมติที่ตัวอักษรส่วนใหญ่ตั้งอยู่
- cap height : ความสูงจากเส้น baseline ไปถึงส่วนบนสุดของตัวอักษรพิมพ์ใหญ่
- x-height : ความสูงของตัวอักษร x ในแบบพิมพ์เล็ก ซึ่งมักใช้อ้างถึงความสูงของตัวอักษรที่ไม่รวม ascender และ descender
รูปแบบตัวอักษร
แบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ
1. ตัวอักษรที่มีขนาดสัมพันธ์กับรูปร่าง (Proportional Font) หรือตัวอักษรที่มีขนาดไม่คงที่่
- ตัวอักษรแต่ละตัวมีพื้นที่ตามแนวนอนไม่เท่ากันขึ้นกับรูปร่างของตัวอักษรนั้น
- สิ่งพิมพ์ต่างๆ ที่ผลิตด้วยคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะถูกออกแบบนี้ เพื่อให้ดูเหมาะสมและอ่านง่าย
2. ตัวอักษรที่มีขนาดคงที่ (Fixed-width Font)
- จะเป็นตัวอักษรที่มีพื้นที่ตามแนวนอนเท่ากันหมด ซึ่งเป็นรูปแบบที่เรียบง่ายและมีลักษณะคล้ายตัวพิมพ์ดีด
ตัวอักษรประเภท serif และ sans-serif
ตัวอักษรประเภท Serif
- ตัวอักษรประเภทนี้จะมีลายเส้นเพิ่มขึ้นที่ส่วนปลาย(บางคนเรียกตัวอักษรมีฐาน)
- เช่น Times New Roman, Garamond, Georgia เป็นต้น
- ตัวอักษรประเภทนี้เหมาะที่จะใช้ในส่วนที่เป็นรายละเอียดเนื้อหา
- ไม่เหมาะกับการใช้เป็นตัวหนา
ตัวอักษรประเภท Sans-Serif
- ไม่มีลายเส้นตกแต่งติดอยู่กับตัวอักษร
- เช่น Arial, Verdana, Geneva เป็นต้น
- เหมาะที่จะใช้กับหัวข้อหรือตัวอักษรขนาดใหญ่
- ไม่เหมาะกับลักษณะเอียงเพราะจะทำให้รูปร่างเปลี่ยนไปมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น